"สมุนไพรไทย" 
- ชื่อวิทยาศาสตร์ของหญ้าคา Imperata cylindrica (L.) P.Beauv
- ชื่อวงศ์ Poaceae หรือ Gramineae
- ชืออื่นๆตามภูมิภาค คาหลวง , คา (ภาคกลาง) ลาแล , ลาลาง มลายู และ เก้อฮี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ของหญ้าคา
มีเหง้าสีขาวแข็งอยู่ใต้ดิน ลำต้นตั้งตรงสูงถึง15 – 20 เซนติเมตร มีกาบใบโอบหุ้มอยู่และริมกาบใบจะมีขน ตัวใบจะเรียวยาวประมาณ 1 – 2 เมตร กว้างประมาณ 4 – 18 มิลลิเมตร มีขนเป็นกระจุกอยู่ระหว่างรอยต่อของตัวใบและกาบใบ ดอกมีสีขาวอมเหลือง หรือเป็นสีม่วง เป็นช่อยาวประมาณ 5 เซนติเมตร
ประโยชน์ด้านสมุนไพรของหญ้าคาจากการศึกษาทางวิสยาศาสตร์
เนื่องจากหญ้าคามีสารสำคัญอยู่หลายประการโดยเฉพาะในราก มีสารประกอบฟินอลิก (phenolic compounds),โครโมน (chrmones), ไตรเตอร์ปินอยด์ (triterpenoid), เซสควิทเตอร์ปินอยด์ (sesquiterpenoids), โพลีแซคคาไรด์โดยสารเหล่านี้มีคุณสมบัติสำคัญดังนี้
- ต้านอักเสบ สารประกอบฟินอลิกที่มีชื่อว่า ไซลินดอลเอ (cylindol A) ที่พบในรากหญ้าคามีคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ไลพอกซีจีเนส (5-lipoxygenase) ซึ่งจะลดการสลายกรดไขมันอะแรกชิโดนิก (arachidonic acid) ที่จะถูกเปลี่ยนไปเป็นสารก่ออักเสบ
- ต้านเลือดเหนียว สารประกอบฟินอลิกที่มืชื่อว่า อิมพีรานีน (imperanene) ที่พบในรากหญ้าคามีคุณสมบัติในการยับยั้งการเกาะตัวกันของเกร็ดเลือด
- ขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิตสารประกอบฟินอลิกในกลุ่มลิกแนนที่มีชื่อว่า (graminone B) และเซสควิทเตอร์ปินอยด์ที่ชื่อว่าไซลินดรีน (cylindrene) ที่พบในรากหญ้าคามีคุณสมบัติในการขยายหลอดเลือด (vasodilative activity) โดยพบว่าสามารถยับยั้งการหดรั้งของหลอดเลือดแดงในกระต่าย ซึ่งคุณสมบัตินี้มีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิต ดั่งเช่นที่พบว่าสารสกัดจากหญ้าคาสามารถลดความดันโลหิตในหนูทดลองได้
- ปกป้องเซลล์สมองสารโครโมนที่พบในรากหญ้าคามีคุณสมบัติในการป้องกันเซลล์สมองถูกทำลายจากสารเคมีที่เป็นพิษ
- เพิ่มประสิทธิภาพระบบภูมิคุ้มกันโพลีแซคคาไรด์ที่พบในรากหญ้าคามีคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
- ต้านจุลชีพ มีการศึกษาสารสกัดจากใบและรากของหญ้าคาพบว่าสารที่สกัดได้ทั้งจากใบ และรากของหญ้าคามีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพที่ก่อให้เกิดโรคได้ ซึ่งได้แก่ แบคทีเรีย B. subtilis, P aeruginosa, E. coli, S. aureusและ ยีสต์ C. albicans(11)
ประโยชน์ด้านสมุนไพรของหญ้าคาจากความรู้ทางการแพทย์แผนโบราณ
- สรรพคุณตามตำราการแพทย์แผนไทยคือ ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้อักเสบในทางเดินปัสสาวะ บำรุงไต แก้น้ำดีซ่าน แก้อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร โดยใช้ 1 กำมือ (สด 40-50 กรัม หรือ แห้ง10-15 กรัม) หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มน้ำรับประทานวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหารครั้งละ 1ถ้วยชา(75 มล.)
- สรรพคุณตามตำราการแพทย์แผนจีนคือ รสอมหวานเย็น มีฤทธิ์ห้ามเลือด ทำให้เลือดเย็น ใช้รักษาอาการเลือดออกจากภาวะเลือดร้อน เช่น เลือดกำเดา ไอ อาเจียน ปัสสาวะเป็นเลือด และมีฤทธิ์ระบายความร้อน และขับปัสสาวะ ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการบวมน้ำ ปัสสาวะร้อนมีสีเข้ม ใช้ 9-30 กรัม ต้มเอาน้ำดื่ม
Aug082014

มารู้จักมะลิกันเถอะ
- ชื่อวิทยาศาสตร์ Jasminum sambac Ait วงศ์ Oleaceae
- ชื่ออังกฤษ Arabian jasmine
- ชื่อท้องถิ่น ข้าวแตก (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) เตียงมุน (ละว้า-เชียงใหม่)มะลิป้อม (เหนือ) มะลิหลวง (แม่ฮ่องสอน)
ต้นกำเนิด ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของดอกมะลิ
จริงๆหลายคนอาจคิดว่าดอกไม้สมุนไพรไทยเช่นมะลิเป็นดอกไม้ที่มีต้นกำเนิดในไทย แต่จริงแล้วกลับมีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดีย ส่วนใหญ่ใช้ในพิธีทางศาสนา ซึ่งคล้ายๆกับเมืองไทยที่นำมาร้อยบูชาพระ ซึ่งการนำพันธ์ดอกมะลิเข้ามาในไทยเมื่อไหร่ผมเองก็ไม่มีข้อมูล สำหรับลักษณะมะลินั้น มะลิไม้พุ่มขนาดสูงไม่เกิน 2 เมตรแตกกิ่งสาขามาก กิ่งอ่อนมีข้นสั้น ใบ เดี่ยวออก ตรงข้ามกัน ขอบใบเรียบ ดอก เดี่ยวหรือออกเป็นช่อละ 2-3 ดอก กลีบเป็นหลอดสีขาว กลีบดอกสีขาวมีกลิ่นหอม เรื่องของดอกขอบอกนิดนึงจริงแล้วมะลิมีสายพันธ์เกือบ 200 สายพันธ์ ซึ่งบางสายพันธ์เป็นดอกสีเหลืองก็มีนะครับ** แต่หายากและไม่นิยมเท่าดอกสีขาว
จริงๆหลายคนอาจคิดว่าดอกไม้สมุนไพรไทยเช่นมะลิเป็นดอกไม้ที่มีต้นกำเนิดในไทย แต่จริงแล้วกลับมีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดีย ส่วนใหญ่ใช้ในพิธีทางศาสนา ซึ่งคล้ายๆกับเมืองไทยที่นำมาร้อยบูชาพระ ซึ่งการนำพันธ์ดอกมะลิเข้ามาในไทยเมื่อไหร่ผมเองก็ไม่มีข้อมูล สำหรับลักษณะมะลินั้น มะลิไม้พุ่มขนาดสูงไม่เกิน 2 เมตรแตกกิ่งสาขามาก กิ่งอ่อนมีข้นสั้น ใบ เดี่ยวออก ตรงข้ามกัน ขอบใบเรียบ ดอก เดี่ยวหรือออกเป็นช่อละ 2-3 ดอก กลีบเป็นหลอดสีขาว กลีบดอกสีขาวมีกลิ่นหอม เรื่องของดอกขอบอกนิดนึงจริงแล้วมะลิมีสายพันธ์เกือบ 200 สายพันธ์ ซึ่งบางสายพันธ์เป็นดอกสีเหลืองก็มีนะครับ** แต่หายากและไม่นิยมเท่าดอกสีขาว
สรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทยของมะลิ
- สุวคนธบำบัด หรือการบำบัดด้วยกลิ่นหอม น้ำมันหอมระเหยจากดอกมะลิเรียกว่า jasmine oil ซึ่งมีกลิ่นหอมหวาน ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีผลต่ออารมณ์ ลดอาการซึมเศร้า ผ่อนคลายความตึงเครียดและความกลัว บรรเทาอาการปวดศีรษะ ใช้ทำหัวน้ำหอมและแต่งกลิ่นในเครื่องสำอางหลายชนิด ซึ่งการ jasmin oil จากดอกมะลิ ในอดีตใช้วิธีอองเฟลอราจ (enfkeurage) เป็นการสกัดโดยการใช้ไขสัตว์ดูดซับกลิ่นไว้ แล้วนำไปละลายในแอลกอฮอล์ ซึ่งมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก จึงเปลี่ยนมาเป็นวิธีสกัดด้วยตัวละลายเฮกเซน หรือปิโตเลียมอีเทอร์ โดยนำดอกไม้มาแช่ในตัวทำละลาย จากนั้นกรองกากดอกไม้ออก แล้วนำสารสกัดไประเหยตัวทำละลายออก สารหอมที่ได้เรียกว่า concrete เวลาใช้ นำมาละลายในแอลกอฮอร์เรียก absolute ใช้ทาภายนอกเท่านั้น ปัจจุบันสามารถสังเคราะห์ได้ราคาที่ถูกกว่าและมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน
- ดอกสด ใช้ร้อยมาลัยและอบขนมให้มีกลิ่นหอม ดอกเริ่มบานใช้ลอยน้ำให้มีกลิ่นหอม เพื่อใช้ดื่มและทำขนม เช่น ลอดช่องน้ำกะทิ ซ่าหริ่ม ทับทิมกรอบ
- ดอกแก่ เข้ายาหอม แก้หืด บำรุงหัวใจ
- ใบ แก้ไข้ ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย พอกแก้ฟกชำ แผลเรื้อรัง โรคผิวหนัง บำรุงสายตา ช่วยขับถ่าย
- ราก แก้ร้อนใน เสียดท้อง รักษาหลอดลมอักเสบ ขับประจำเดือน แก้ปวดเคล็ดขัดยอก
ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นและข้อควรระวัง น้ำมันหอมระเหย จากดอกมี benzyl alcohol, benzylacetate, D-linalool, jasmine, anthranilacid methyester, indol, P-cresol, geraniol, methyljasmonat ใน ใบ มี jasminin, sambacin ซึ่งน้ำมันหอมระเหยจากดอกมะลิให้ใช้ภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทานและห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์
บทความนี้ re-write ใหม่อีกครั้งจากบทความเดิมในปี 2555 และขอบคุณข้อมูลจาก คุณ dogstar ใน blog OKnation และข้อมูลทางสรรพคุณบางส่วนนำมาจาก cyclopaedia.net
Jul012014

หลังจากที่ไม่ได้ update เนื้อหาใน web มานานพอควร ได้ฤกษ์งามยามดีขออนุญาตนำบทความดีๆเกี่ยวกับสมุนไพรไทยมาฝากเช่นเคยครับ ซึ่งบทความนี้เผอิญไปอ่านเจอใน pantip โดยคุณ Dear Nostalgia เป็นผู้รวบรวมมาเห็น่าสนใจดีเลยนำมาฝากทุกท่าน (โดยขออนุญาตเรียบเรียงใหม่และตัดทอน รวมถึงเพิ่มเติมข้อมูลบางส่วนให้ง่ายต่อการอ่านนะครับ พูดถึงสะระแหน่หลายคนคงคิดว่าเป็นพืชผักสมุนไพรไทยแท้แต่ดังเดิม ความจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสียทีเดียว จากคำบอกเล่า ศจ.อินทรี จันทรสถิต ผ่านทาง ด็อกเตอร์ ณรงค์ โฉมเฉลา บอกว่า จริงๆแล้วสะระแหน่ถูกนำเข้ามาในไทยในช่วง ร.3 โดยชาวอิตาเลียนชื่อนายสะระนี ซึ่งก็กลายมาเป็นชื่อของ สะระแหน่นั่นเอง ข้อมูลจำเพาะของสะระแหน่ ชื่อ สะระแหน่
Mar112014

ถัดจากหน้าหนาวก็เป็นหน้าร้อน สำหรับในปีนี้ ตามรายงานของกรมอุตุคาดว่าอาจร้อนรุนแรงกว่าทุกปี แต่ก่อนมีมุขเรื่องสภาพอากาศที่ฝรั่งชอบเล่นอยู่ว่า เมืองไทยมี 3 ฤดูคือฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก และ ฤดูร้อนมากที่สุด ถ้าได้ฟังแต่ก่อนก็คงขำๆ แต่เดี๋ยวนี้คงขำไม่ออก เพราะมันใกล้เคียงความเป็นจริงมาก แต่ว่าจะร้อนเพียงไร เว็บ ไทยสมุนไพร.net ของเรา ก็มีเรื่องราวดีๆของสมุนไพรที่ช่วยคลายร้อนมาฝากกัน กับเรื่อง รวมสุดยอดสมุนไพรคลายร้อน (ขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพสวยๆจาก bkkparttime.com บทความโดยคุณKorsupak Deaw) มะตูม เป็นพืชสมุนไพรไทยที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ลักษณะเป็นไม้ยืนต้น ผลอ่อนสีเขียว และผลแก่มีสีเหลือ
Jan262014

ปีนี้ค่อนข้างแปลกตรงที่ฤดูหนาวค่อนข้างยาวนานจะเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์แล้วก็ยังหนาวอยู่ ดังนั้นการรักษาสุขภาพจึงสิ่งที่สำคัญที่สุด วันนี้ผมมีบทความสั้นๆมาฝากกันครับ ว่าสมุนไพรไทยของเราอะไรบ้างที่สามารถช่วยท่านรับมือกับความหนาวนี้ได้ คลายหนาวด้วยอาหารสมุนไพร ในหน้าหนาว ควรเลือกรับประทานอาหารที่ร้อน เพราะจะทำให้ร่างกายสดชื่น และอบอุ่น โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ส่วนรสชาติควรเน้นพวกรสเปรี้ยวอมขมเล็กน้อยและรสเผ็ด ส่วนวัตถุดิบก็พวกพืชผักสมุนไพรนี่แหละครับเช่น สะเดา ซึ่งมีรสขมเมื่อกินแล้วสามารถช่วยเจริญอาหาร นอกจากนั้นยังสามารถบรรเทาอาการไข้ต่างๆได้ด้วย ขิง ชงเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร เพื่อช่วยให้ชุ่มคอ ลดอาการไอ แก้หวัด ช่วยให้เสมหะอ่อนขับตัวออกได้ง่าย ป้องกันการเป็นหวัดได้อีกทางหนึ่ง พริก และ พริกไทย อันนี้ไม่ต้องพูดถึง รสเผ็ดร้อนของพริกช่วยในการสูบฉีดโลหิต ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย นอกจากนั้นยังมีพวก ผักโขมที่อุดมด้วยวิตามินซี
Dec242013

ชาเป็นเครื่องดื่มที่คุ้นเคยกันทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยของเราเอง นอกจากใบชาตรงๆแล้วนั้นมีการนำสมุนไพรหลายชนิด ทั้งสมุนไพรไทย และ สมุนไพรจีนมาชงในลักษณะของชา ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือเป็นชาที่ไร้ซึ่งคาเฟอีน ส่วนคุณประโยชน์ก็หลากหลายตามชนิดและประเภทของชา วันนี้ทางเว็บไทยสมุนไพร.net จึงขอนำเสนอ 10 สุดยอดชาสมุนไพรมาท่านทุกท่านได้รู้จักกัน 1.ชาใบเตย สำหรับสรรพคุณของชาใบเตย ได้แก่บำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ ชาใบเตย ทำจากใบเตยหอม อบแห้ง บดเป็นผง มี สีเขียวใบเตย มีกลิ่นหอมชื่นใจใบเตยมีคุณสมบัติหลักๆ ขับปัสสาวะ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ชาใบเตยจึงเหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง คนธรรมดาทั่วไปก็ดื่มได้กลิ่นหอมของใบเตยชื่นใจ คลายเครียดได้ดี เป็น
Dec042013

ในหลวงกับสมุนไพรไทย เนื่องในโอกาศ 5 ธีนวามหาราชในปีนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย ในฐานะที่เว็บ ไทยสมุนไพร.net เป็นเว็บที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย มาอย่างต่อเนื่อง ทางเว็บจึงขออนุญาตนำบทความ พระราชกรณีกิจของพระองค์ท่านที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรไทยที่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ มาเพยแพร่ให้ทุกท่านได้ศึกษา โดยบทความทั้งหมดสรุปย่อ และเรียบเรียบจาก รายงานเรื่อง งานวิจัยเรื่องสาธารณสุข และการศึกษาของชนกลุ่มน้อยในประเทศไทย โดยคุณทิพย์วรรณ วงศ์อัสสไพบูลย์ ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ ในเรื่องพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับสมุนไพรไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เริ่มต้นจากพระมหากรุณาธิคุณ และความใส่พระราชหฤทัยในด้านการสาธารณสุขของพสกนิกร ซึ่งพระองค์ท่าน นอกจากจะทรงใช้วิธีการดูแลพสกนิกร ผ่านทางบุคลากรทางการแพทย์จากหลายสาขา
Dec032013

วันนี้ผมเรื่องราวของมะพร้าวมาฝาก ผมเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักมะพร้าวแน่ๆ เพราะขนมไทยเกือบทุกชนิด จะมีการนำพืชชนิดนี้เป็นส่วนประกอบ ไม่ใส่ลงไปตรงๆ เช่นขูดเป็นฝอย ก็ใส่ลงไปทางอ้อมผ่านทางน้ำกระทิ แต่ใครจะรู้ว่ามะพร้าว ก็จัดเป็นสมุนไพรไทย ที่มีคุณค่าเช่นกันเดียว มารู้จักมะพร้าวกันนะครับ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของมะพร้าว : Cocos nucifera L. var. nucifera ชื่อในภาษาอังกฤษ : Coconut (ส่วนน้ำกระทิ เรียก coconut milk นะครับ) ชื่อวงศ์ : Palmae (หรือง่ายๆคือเป็นพืชตระกูลปาล์มนั่นเอง)
Sep152013

ใบหม่อน เมื่อได้ยินครั้งแรกคุณนึกถึงอะไร แน่นอนเมื่อสมัยก่อนคนอาจนึกถึงใบของพืชชนิดชนิดหนึ่ง ที่เอาไว้เลี้ยงดักแด้ของหนอนไหม แล้วสมัยนี้ล่ะเขานึกถึงอะไรกัน แน่นอนคันสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ ชาใบหม่อนชาสมุนไพรไทยนั่นเองนั่นเอง ก่อนที่จะพูดถึงชา เรามาพูดถึงต้นหม่อนกันก่อน ชื่อสมุนไพร หม่อน หรือ mulberry (สังเกตฝรั่งเห็นอะไรเป็นลูกๆเป็นพวงๆ เขาเล่นเรียก berry หมด) ชื่ออื่นๆมอน
Sep092013

พอดีผมมีโอกาศได้เข้าไปหาข้อมูลใน Website ของ สำนักงานพระพุทธศาสนา บังเอิญไปเห็นว่ามีการแจก E-book เล่มหนึ่งที่น่าสนใจซึ่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพร ชื่อเต็มๆของหนังสือเล่มนั้นคือ คู่มือสมุนไพร โครงการสวนสมุนไพรในวัด (พรรณไม้ ๗๖ จังหวัด) ชื่อยาวนิดนึง หน้าปกเป็นดังในรูปครับ เนื้อหาข้างในดีมากๆ มีมากถึง 171 หน้า โดยแบ่งออกหมวดหมู่น่าสนใจเช่น แบ่งชื่อสมุนไพรตามตัวอักษร และที่น่าสนใจคือมีการบอกว่าจังหวัดนั้นๆมีสมุนไพรอะไรที่ขึ้นชื่อ อย่างในรูปเป็นสมุนไพร ที่ชื่อสีเสียดแก่น เป็นไม้สมุนไพรประจำจังหวัด กำแพงเพชร
Sep082013

ตอนเด็กๆ ระหว่างทางเดินกลับบ้านจะมีวัชพืชชนิดหนึ่งที่ผมมักจะเล่นด้วยประจำ นั่นคือเวลาที่เราจับใบของมันใบของมันจะหุบอัตโนมัติ จากต้นเขียวๆจะกลายเป้นต้นแดงๆเหมือนมันเหี่ยวภายในพริบตา แปลกดีเหมือนกัน พืชชนิดนี้มีชื่อว่าไมยราบนั่นเอง หลายคนมักมองว่าไมยราบเป็นเพียงวัชพืชที่ไม่มีค่าอะไร แต่จริงๆแล้วไมยราบจัดเป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่งที่มีคุณค่ามากทีเดียว มารู้จักพืชสมุนไพรชนิดนี้กันเถอะครับ. ชื่อโดยทั่วไป ไมยราบ หรือ Sensitive plant (ชื่อบอกลักษณะได้อย่างไร ว่าเป็นพืชที่อ่อนไหว แค่มีอะไรมากระทบก็หุบใบได้เอง) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mimosa pucida L. วงศ์ : Fabaceae (Leguminosae-Mimosoideae) ชื่อตามอื่นๆภูมิภาค : เนื่องจากไมยราบเป็นสมุนไพร ที่พบได้ทุกภูมิภาคของไทย จึงมีชื่อเรียกต่างๆกัน ได้แก่ กระทืบยอด หนามหญ้าราบ (จันทนบุรี)
Jun232013

หากพูดถึงกวาวเครือขาว สมุนไพรไทยชนิดนี้มักถูกพูดถึงบ่อยๆ ในเรืองของการ ช่วยเพิ่มหน้าอก หรือช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ตามแแผงสมุนไพรเสริมความงามต่างๆก็มีแทบทุกร้าน แต่วันนี้เราจะมารู้กันว่าประโยชน์มันดีอย่างที่ว่าจริงหรือ และโทษหรือผลข้างเคียงของมันล่ะมีอะไรบ้างเรามารู้กัน ชื่อวิทยาศาสตร์ของกวาวเครือขาว Pueraria mirifica Airy Shaw et Suvatab. วงศ์ Leguminosae หรือเป็นพืชในตระกูลถัวนั่นเอง แหล่งที่พบ ขึ้นในป่าเบญจพรรณ บนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 250-800 เมตรในป่าสูงทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เป็นไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม้ใหญ่ เป็นไม้ผลัดใบ ขนาดกลาง
Apr152013

สวัสดีครับ ชาว ไทยสมุนไพร.net ทุกท่าน วันนี้ขอฉีกแนวนิดนึง คือทุกครั้งจะเป็นเรื่องราวของสมุนไพร ที่ใช้ในการรักษาโรค คราวนี้มาในแนวสมุนไพร กับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายบ้าง อย่าพึ่งงงครับว่าเกี่ยวข้องกันยังไง และอย่าพึ่งตกใจไป ผมไม่ได้มาแนะนำให้เอาใบ สมุนไพร มาตัดเย็บเป็นชุดสวมใส่เหมือนนางไม้ แต่สำหรับเรื่องที่จะมาเล่ากันในวันนี้ เป็นการทำให้เสื้อตัวเก่าที่ดูจืด เช่นเสื้อขาว ที่ใส่ไปนานๆแล้วหมอง (หรือจะใช้เทคนิคนี้กับเสื้อใหม่ก็ได้) มาทำเป็นเสื้อมัดย้อมสีสันสดใส โดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ แต่เป็นการใช้สมุนไพรล้วนๆ ยังไงก็ขอบคุณไอเดียดีดี เนื้อหา และภาพประกอบ จากหนังสือ SOOK (หาซื้อได้ที่ 7-Eleven วางแผงทุกวัน
Jan072013

ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าสำนวนที่บอก “ไม่เป็นสับปะรด”มันมีที่มาที่ไปยังไง ทำไมมันไปหมายถึงอะไรที่ไม่เข้าท่าไปได้ แต่อย่างไรก็ตามสมุนไพรไทยที่นำเสนอวันนี้ผมรับรองว่าเป็นสับปะรดแน่นอน เพราะมันคือสัปปะรด งงไหม? ก่อนที่เราจะไปดูกันต่อว่าสับปะรดมีดียังไงเรามารู้จักชื่อเสียงเรียงนามและลักษณะของสับปะรดกันก่อน ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของสัปปะรด : Ananas comosus (L.) Merr. ชื่อโดยทั่วไป: สับปะรด หรือ Pineapple (หลายคนอาจงงว่ามันเกี่ยวกับแอบเปิ้ลยังไง จริงๆคำนี้มันก็ตามตัวนะครับคือฝรั่งจะมีขนมอย่างหนึ่งที่ใช้ผลไม้เป็นองค์กระกอบ ซึ่งก็คือพายผลไม้นั่นเอง คราวนี้มันมีพายอันหนึ่งคือพายทำจากแอปเปิ้ล ลักษณะจะออกสีเหลืองๆ ซึ่งลักษณะมีเนื้อคล้ายๆของเนื้อสับปะรด เมื่อฝรั่งได้เห็นสับปะรดเป็นครั้งแรกจึงตั้งชื่อผลไม้ที้ว่า พาย-แอปเปิ้ลนั่นเอง ชื่อวงศ์ : Bromeliaceae ชื่ออื่น : หมากนัด (ภาคอีสาน) แนะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ขนุนทอง ยานัด
Dec262012

ผมเองคิดอยู่ตั้งนานว่าจะเขียนถึงสมุนไพรตัวนี้ดีไหม เพราะปัจจุบันมีคนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับมะรุมเอาไว้มากเหลือเกิน รวมถึงมีการทำเป็นยาสารพัดชนิด สรรพคุณก็ว่ากันไปต่างๆนานา ตั้งแต่รักษามะเร็งไปจนถึงเอดส์เลยก็มี ซึ่งบางทีผมว่ามันก็อาจดูเกินจริงไปหน่อย แน่นอนมะรุมเป็นพืชที่ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ามันมีการพูดกันจนโอเว่อร์เกินไป ผมก็ว่าแทนที่จะทำให้คนรู้จักสมุนไพรตัวนี้ กลับทำให้สมุนไพรตัวนี้ขาดความน่าเชื่อถือ ผมจึงได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักกับมะรุม ในแบบที่ควรจะเป็นจริงๆ มารู้จักมะรุมกันก่อน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Moringa oleifera Lam. ชื่อโดยทั่ไป : มะรุม หรือ Horse radish tree, Drumstick (คำนี้แปลว่าไม้กลอง สังเกตุต้นมะรุมดู) ชื่ออื่น : กาเน้งเดิง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ผักเนื้อไก่ (ฉาน-แม่ฮ่องสอน)26
2012
ผมเองคิดอยู่ตั้งนานว่าจะเขียนถึงสมุนไพรตัวนี้ ดีไหม เพราะปัจจุบันมีคนเขียนเรื่ องราวเกี่ยวกับมะรุมเอาไว้ มากเหลือเกิน รวมถึงมีการทำเป็นยาสารพัดชนิด สรรพคุณก็ว่ากันไปต่างๆนานา ตั้งแต่รักษามะเร็งไปจนถึงเอดส์ เลยก็มี ซึ่งบางทีผมว่ามันก็อาจดูเกิ นจริงไปหน่อย แน่นอนมะรุมเป็นพืชที่ดีอยู่แล้ ว แต่ถ้ามันมีการพูดกันจนโอเว่ อร์เกินไป ผมก็ว่าแทนที่จะทำให้คนรู้จั กสมุนไพรตัวนี้ กลับทำให้สมุนไพรตัวนี้ ขาดความน่าเชื่อถือ ผมจึงได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักกั บมะรุม ในแบบที่ควรจะเป็นจริงๆ
มารู้จักมะรุมกันก่อน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Moringa oleifera Lam.
ชื่ออื่น : กาเน้งเดิง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ผักเนื้อไก่ (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) ผักอีฮึม ผักอีฮุม มะค้อนก้อม (ภาคเหนือ) เส่ช่อยะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะของมะรุม
- ลำต้น เป็นไม้ยืนต้นสูง 3-6 เมตรหรือใหญ่กว่าเปลือกสีขาว รากหนานุ่ม
- ใบ ใบสลับแบบขนนก 2 หรือ 3 ชั้น ยาว 20-60 ซนติเมตร ใบชั้นหนึ่งมีใบย่อย 8-10 คู่ ใบแบบรูปไข่รูปไข่หัวกลับรูปคู่ขนาน ใต้ใบสีเขียวอ่อน ใบอ่อนมีขนสีเทาขนาดใบยาว 1-3 เซนติเมตร
- ดอก ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ สีขาวหรือขาวอมเหลืองแต้มสีแดงเข้าที่ใกล้ฐานด้านนอกยาว 1.4-1.9 เซนติเมตรกว้าง 0.4 เซนติเมตรปลายกลีบดอกกว้างกว่าโคน 4 กลีบ ตั้งตรง เกสรตัวผู้แยกจากกันสมบูรณ์ 5 อันไม่สมบูรณ์ 5 อันเรียงสลับกันมีขนสีขาว ที่โคนอับเกสรสีเหลืองเกสรตัวเมีย 1 อัน ผลยาวเป็นฝัก 3 เหลี่ยม เมล็ดมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร 3 ปีก
เมื่อรู้จักกับมะรุมแล้ว ขออนุญาตพูดถึงมะรุมต่อ ดังที่บอกไปในตอนต้น ปัจจุบันมีคนพูดถึงมากเหลือเกินโดยเฉพาะบรรดาบริษัทผลิตอาหารเสริมต่างๆที่มีการนำมะรุมมาแปรรูปเป็นแคปซูลสกัด ในกรณีที่ทำเป็นแคปซูลโดยบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กรณีนี้ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าเป็นกรณีที่บอกว่าใช้เป็นยารักษาสารพัดโรคล่ะก็ อันนี้ต้องคุยกันยาว เพื่อตอบข้อสงสัยผมขอเขียนลักษณะถามตอบเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและการจับประเด็นก็แล้วกันครับ
มะรุมเป็นพืชที่ให้คุณค่ าทางโภชนาการสูงจริงหรือ ?
ข้อนี้ตอบว่าจริงครับ อันนี้ยอมรับเลยมะรุมมีแร่ธาตุ และสารอาหารหลายชนิด โดยที่ฝักมะรุม 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 32 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย เส้นใย 1.2 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 26 มิลลิกรัม เหล็ก 1.5 มิลลิกรัม วิตามินเอ 532 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.05 มิลลิกรัม ไนอาซิน 0.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 262 มิลลิกรัม
มะรุมรักษาโรคเอดส์ได้จริงหรื อไม่ ? ตอบว่ายังไม่มีการศึกษาในส่วนนี้อย่างเป็นทางการ สรรพคุณของมะรุมมีแต่เพียงว่าเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเท่านั้น ดังนั้นสำหรับผู้ป่วย HIV ยาต้านไวรัสที่คุณหมอจัดให้ ยังคงจำเป็นอยู่
มะรุมรักษาเบาหวานได้หรือไม่ ? ไม่มีสมุนไพรชนิดไหนที่รั กษาเบาหวานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มะรุมสามรถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นเดียวกับพื ชสมุนไพรหลายชนิดเช่นมะระ แต่หากมีอาการเบาหวานจริงๆ การรักษาควบคู่ไปกับแพทย์แผนปั จจุบันยังคงดีที่สุด
สรรพคุณของมะรุมจริงๆแล้วคืออะไร
หากท่านได้ลองค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลอื่นๆอาจจะพบมีการอ้างประโยชน์ของมะรุมมากกว่านี้ แต่ผมจะนำเสนอเฉพาะประเด้นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามะรุมมีสรรพคุณในข้อนั้นจริง ๆ ส่วนประเด็นที่ยังเป้ข้อสงสัยและถกเถียงผมจะขออนุญาตไม่นำเสนอ
1. ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิด ถึง 10 ขวบ (มีการทดลองใช้ในประเทศแถบแอฟริกาที่มีปัญหาเรื่องภาวะโภชนาการ )
2. ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ ทำให้สามารถลดการใช้ยาลงดังที่กล่วไป แต่ต้องความเห็นชอบและการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้รักษาด้วย
3. สามรถลดความดันโลหิตได้
4. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
5. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง (เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด)
6. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง โรคพยาธิในลำไส้ เป็นต้น
7. รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ
8.บำรุงสายตา (เนื่องจากวิตามินเอในมะรุม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น